1. บทนำ

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนาและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทำได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเสียหายและเป็นการล่วงละเมิด สิทธิความเป็นส่วนตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อีกทั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ กระทบต่อความ น่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ขององค์กร
บริษัท โอเพ่นเซิร์ฟ จำกัด (มหาชน) ตระหนักและให้ความสำคัญถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้บริหารและบุคลากร ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้จัดทำ นโยบายคู่มือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act: PDPA) รวมถึงฉบับแก้ไขเพิ่มเติม กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (รวมเรียกว่า “กฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) เพื่อเป็นการสร้างกลไก หลักเกณฑ์ มาตรการกำกับดูแลและแนวทางปฏิบัติใน การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้วข้างต้น

2. คำนิยาม

"บริษัทฯ” หมายถึง บริษัท โอเพ่นเซิร์ฟ จำกัด (มหาชน)
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่าข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่า ทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งทำให้มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจ เกี่ยวกับการเก็บรวมรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับรวมรวม เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“เจ้าของข้อมูล” หมายความว่า ลูกค้า พนักงาน คู่ค้า ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
“บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา หรือคน หรือมนุษย์ปุถุชนซึ่งสามารถมีสิทธิและหน้าที่ตาม กฎหมาย

3. วัตถุประสงค์ในการจัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคู่มือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จัดทำขึ้น ภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลของบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
3.1 เพื่อให้การปฏิบัติงานของบริษัทฯ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act: PDPA)
3.2 เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการได้แก่การจัดเก็บ การรวบรวม การดูแลรักษาและการใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
3.3 เพื่อให้ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ กรรมการบริษัทฯ ผู้บริหารและบุคลากรของบริษัทฯ เกิด ป้องกันให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด ความเชื่อมั่นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯ ได้รับการคุ้มครองและได้รับการ

4. การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯจะดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากข้อมูลเพียงเท่าที่จำเป็นกับการ ให้บริการและดำเนินงานตามที่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรหรือผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จาก เจ้าของข้อมูล โดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทฯจะไม่ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลใน เรื่องเชื้อชาติ ศาสนา หรือปรัชญา ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ ความพิการ อัตลักษณ์ หรือข้อมูลอื่นใด จาก แหล่งข้อมูลอื่นใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน

5. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯจะดำเนินการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ปรับปรุงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ ขอบเขต และตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด โดยจะจัดเก็บเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ และการดำเนินงานของบริษัทฯ เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลเป็นหลัก และการอื่นๆตามกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้
5.1 เพื่อใช้ในการประมวล บริหารจัดการ พิจารณา ให้บริการและดำเนินการต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจ ของบริษัทฯที่มีอยู่ในปัจจุบันและอาจมีขึ้นในอนาคต และรวมถึงการใดๆเพื่อประโยชน์ของ เจ้าของข้อมูลตลอดจนนำไปใช้ในการจัดทำบัญชี งบการเงิน และข้อมูลทางบัญชีของบริษัทฯ
5.2 เพื่อใช้ในการแก้ไข ยกเลิก และ/หรือต่ออายุสัญญาเช่าซื้อ สัญญาจ้าง และสัญญาอื่นใดระหว่าง เจ้าของข้อมูลกับบริษัทฯ
5.3 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ เสนอ ให้ใช้ เพื่อการวิจัยตลาด และ/หรือการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขาย และ/หรือเพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลเพื่อเสนอสิทธิ ประโยชน์ตามความสนใจของเจ้าข้อมูล และ/หรือปรับปรุงการให้บริการ การดำเนินการ หรือ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
5.4 เพื่อปฏิบัติตามระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ รวมตลอดถึงข้อกำหนดอื่นใดซึ่งบริษัทฯมีหน้าที่ ผูกพันในการปฏิบัติตามกฎหมาย
5.5 เพื่อนำเสนอข้อมูล ติดตาม ประสานงาน และการให้บริการหลังการขายรวมตลอดถึงเพื่อการ จัดทำบริการทางอิเล็กทรอนิกส์
5.6 เพื่อดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น

6. ข้อจำกัดในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯจะทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดและจะไม่ทำการใช้หรือ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมของเจ้าของข้อมูล เว้นแต่เพื่อปฏิบัติตาม วัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น หรือตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำการเปิดเผย โดยจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้กับหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องดังนี้
6.1 กลุ่มธุรกิจ พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ รวมตลอดถึงหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการ ให้บริการในการประมวลผล บริหารจัดการ พิจารณา ให้บริการ และดำเนินการต่างๆที่เจ้าของ ข้อมูลได้รับและอาจได้รับในอนาคต
6.2 พนักงาน ผู้รับมอบอำนาจ ตัวแทน บุคคลหรือนิติบุคคลหรือหน่วยงานอื่นใด เพื่อปฏิบัติตาม ข้อกำหนดของกฎหมายหรือก่อตั้งสิทธิตามสัญญาของบริษัทฯ

7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯให้ความสำคัญกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูล ในการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของตนซึ่งบริษัทฯเก็บรวบรวมไว้เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ดังนี้
7.1 สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ บริษัทต้องแจ้งวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลรับทราบ เช่น เก็บข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้าง, วัตถุประสงค์การเก็บข้อมูล, การนำไปใช้หรือส่งต่อไปมีให้ ใครบ้าง, วิธีเก็บข้อมูลอย่างไร, เก็บข้อมูลนานแค่ไหน, วิธีขอการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิกถอน ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไปสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล ที่เกี่ยวกับตน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ ได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทฯ กำหนด หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม
7.3 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอคัดค้าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนที่กฎหมายอนุญาตให้เก็บได้โดย ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้ข้อมูลเมื่อใดก็ได้
7.4 สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทฯลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วน บุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีตามที่ กฎหมายกำหนด
7.5 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ โดย การเพิกถอนความยินยอมจะอยู่ในรูปแบบใดก็ได้ เช่น ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือทำเป็นเอกสารที่ เป็นลายลักษณ์อักษร และการยกเลิกความยินยอมนั้นจะต้องทำได้ง่ายเหมือนกับตอนแรกที่ เจ้าของข้อมูลให้ความยินยอม
7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะใน กรณีที่เกิดการเปลี่ยนใจไม่ต้องการให้ข้อมูลแล้ว หรือเปลี่ยนใจระงับการทำลายข้อมูลเมื่อครบ กำหนดทำลาย
7.7 สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความ ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
7.8 สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้บริษัทฯทำการส่งหรือโอน ข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้ หรือจะขอให้ส่งไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นโดยตรงก็สามารถ ทำได้ โดยการใช้สิทธินั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย

8. การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่เปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลไปยังหน่วยงานภายนอก เว้นแต่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้ง จากเจ้าของข้อมูล หรือเป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้
1. บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นแก่ลูกค้า ผู้ให้บริการ หรือ หน่วยงานภายนอกโดยบริษัทจะจัดทำข้อตกลงการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมาย กำหนด
2. บริษัทอาจเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือ โดยจะเป็นการประมวลผล ข้อมูลภายใต้วัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายฉบับนี้เท่านั้น
3. กฎหมายหรือกระบวนการทางดฎหมายบังคับให้เปิดเผยข้อมูล หรือเปิดเผยต่อเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานที่มีอำนาจเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำขอที่ชอบด้วยกฎหมาย

9. การเพิกถอนความยินยอม

เจ้าของข้อมูลสามารถเพิกถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯในการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้นเสียเมื่อใดก็ได้ ด้วยการแจ้งความประสงค์ให้บริษัทฯทราบ พร้อมทั้งเหตุผลแห่งการนั้น โดยบริษัทฯจะดำเนินการตามที่ได้รับแจ้งเว้นแต่กรณีมีข้อกำหนดสิทธิใน การถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูล
ทั้งนี้การเพิกถอนความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยิมไปแล้วก่อนหน้านั้น

10. การปฏิเสธและการจัดทำบันทึก

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลร้องขอให้บริษัทฯดำเนินการตามที่ระบุไว้ในข้อ 7.1 - 7.7 หรือข้อ 8 บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่ได้รับคำร้องขอภายในระยะเวลาที่เหมาะสมและตามขั้นตอนการปฏิบัติของ บริษัทฯ เว้นแต่ในกรณีดังนี้ บริษัทฯอาจปฏิเสธการดำเนินการดังกล่าว
10.1 โดยสภาพแล้วไม่อาจดำเนินการดังกล่าวได้
10.2 เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาลและการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล นั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพบุคคลอื่น
10.3 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเป็นการ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิดังกล่าวอาจเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
10.4 การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้แสดงเท่เหน ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า
10.5 การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย
ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธไม่ดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลให้ดำเนินการอย่างใดอย่าง หนึ่งตามข้อ 7.1 - 7.7 หรือ ข้อ 8 นั้น บริษัทฯจะจัดทำรายงานการบันทึกการปฏิเสธพร้อมเหตุผลแห่งการ ปฏิเสธจัดเก็บไว้ในฝ่าย แผนก หรือหน่วยงานอื่นใดภายในบริษัทฯซึ่งปฏิเสธคำร้องขอของเจ้าของข้อมูล

11. การรักษาความปลอดภัย

บริษัทฯเล็งเห็นความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล จึงได้จัดให้มีระบบเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของบริษัทอันเป็น มาตรฐานสากลในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการเข้าถึง ทำลาย การเปิดเผย ใช้ การทำซ้ำข้อมูล ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้คณะกรรมการของบริษัทยังได้จัดทำนโยบาย ระเบียบปฏิบัติงาน คู่มือ แนวทางและ อบรมให้ความรู้ในการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้พนักงานของบริษัทในทุกระดับชั้น ดำเนินการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลปฏิบัติตามาตรฐานของบริษัทฯและสอดคล้องกับ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

12. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อให้การเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทางบริษัทฯจึง ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล Data Protection Officer (DPO) เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (Personal Data Protection Act : PDPA) โดยจะเป็นผู้ตรวจสอบ ให้คำแนะนำ และประสานงานกับเจ้าของข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และสำนักงานคณะกรรมการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

13. ระยะเวลาการเก็บรักษาและทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯจะจัดเก็บรักษาข้อมูลตามที่ได้รับจากเจ้าของข้อมูลตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นในการ ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะให้ เก็บไว้ได้นานกว่านั้นหรือเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติหรือการใช้สิทธิ เรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือเพื่อดำเนินการตามสัญญาซึ่ง บริษัทฯมีสิทธิตามกฎหมาย

14. การฝึกอบรม

บริษัทฯจัดให้มีการฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคลากรของบริษัทฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้บุคลากรของบริษัทฯ ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมล ส่วนบุคคล และส่งเสริมให้มีการบริหารความเสี่ยงด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในทุกระดับขององ รวมถึงจัดให้มีมาตรการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลโดยมิชอบ

15. การปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯจะทำการทบทวนนโยบายคู่มือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปหรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่เป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในนโยบายคู่มือการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้

ช่องทางการติดต่อบริษัท
เจ้าหน้าที่ / ฝ่าย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท โอเพ่นเซิร์ฟ จำกัด (มหาชน)
89/39 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10210
อีเมล: Info@openserve.co.th